สลดพบศพ สาวแม่ลูกอ่อน หลังทะเลาะกับสามี หนุ่มร่ำไห้ขอโทษ ลุงโมโหเตะไปที

สลดพบศพ สาวแม่ลูกอ่อน หลังทะเลาะกับสามี หนุ่มร่ำไห้ขอโทษ สุดเสียใจ รับปากไม่ทิ้งลูกชาย วัย 2 เดือน ลุงโมโห สุดทนกระโดดเตะไป 1 ที

นครราชสีมา- เมื่อเวลา 10.40 น. วันที่ 16 ก.ย.2567 ร.ต.ท.เนติโรจน์ ปิยะภิรมย์ชัย รอง สว.(สอบสวน) สภ.พิมาย จ.นครราชสีมา รับแจ้งว่าเหตุคนเสียชีวิต ที่ บ้านยาง ม.2 ต.ธารละหลอด อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อม ตร.ชุดสืบสวน และหน่วยกู้ภัยฮุก31 จุดพิมาย จุดเกิดเหตุ พบศพ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 30 นาที เจ้าหน้าที่ฯ จึงให้กู้ภัยนำร่างส่งโรงพยาบาลพิมาย เพื่อให้แพทย์ชันสูตร

สอบถาม นายสนอง (สงวนนามสกุล) อายุ 63 ปี ลุงผู้ตายที่เป็นคนนำศพลงมา กล่าวว่า หลานของตนแต่งงานกับ นายปฏิพล (สงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี แต่งงานอยู่ด้วยกันได้ 3 ปี จนมีลูกด้วยกัน 1 คน เป็นเด็กชายอายุเพิ่ง 2 เดือน มาพักอาศัยอยู่ด้วยกันที่บ้านของตน ซึ่งมีห้องนอนอยู่ติดกับห้องนอนของตน

ก่อนเกิดเหตุช่วงเช้า ตนได้ยินเสียงหลานสาวกับหลานเขยทะเลาะกันอย่างรุนแรงอยู่ในห้องนอน แต่ไม่ทราบว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร หลังจากนั้น นายปฏิพล หลานเขย ออกไปทำงานที่โรงงานท่าทรายในละแวกหมู่บ้านเหมือนทุกวัน พอช่วงสาย ตนได้ยินเสียงลูกชายของทั้ง 2 คนร้องส่งเสียงอยู่นาน จึงตะโกนเรียกแม่ของเด็ก แต่ไม่มีเสียงตอบรับ

เมื่อเดินเข้าไปดูในห้อง แต่ประตูล็อกจากด้านใน จึงตัดสินใจปีนดูที่ช่องด้านบนห้อง เห็นหลานสาวเสียชีวิตแล้ว จึงตะโกนเรียกเพื่อนบ้านให้มาช่วย จากนั้นตนรีบปีนขึ้นไปบนช่องผนังห้องเพื่อเข้าไปเปิดประตูห้องนอนของหลานสาว

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนรู้สึกเสียใจอย่างมาก จึงให้เพื่อนบ้านไปตามนายปฏิพล ที่ไปทำงานให้รีบกลับมาบ้านพอหลานเขยมาถึงบ้าน ตนก็กลั้นอารมณ์ไว้ไม่อยู่ จึงกระโดดเตะไป 1 ครั้ง จนมีชาวบ้านมาห้ามไว้

ด้าน นายปฏิพล บอกทั้งน้ำตาว่า ทะเลาะกับภรรยาก่อนไปทำงาน แต่ไม่ได้ลงมือทุบตีกัน

จากนั้น นายปฏิพล เดินเข้าไปดูร่างของภรรยา พร้อมพูดว่า “รู้สึกเสียใจและรู้สึกผิดอย่างมาก จะไม่ทิ้งลูกอย่างเด็ดขาด จะอยู่ช่วยทุกคน ขอโทษขออภัยด้วย”

หลังจากนั้น นายปฏิพล เข้าไปกราบขอโทษที่เท้าของนายสนอง ลุงของผู้เสียชีวิต และกราบขอโทษญาติทุกคน บอกว่าไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบปากคำนายปฏิพล สามีผู้เสียชีวิต และผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง