ผวา! กระเช้าพังถล่มในตุรกี ผู้โดยสารดับ 1 ราย ติดอยู่กลางอากาศ 184 ราย… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่

ผวา! กระเช้าพังถล่มในตุรกี ผู้โดยสารดิ่งเหวดับ 1 ราย เฮลิคอปเตอร์รุดช่วยผู้โดยสารติดอยู่กลางอากาศ 184 ราย

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงาน เมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา กระเช้าลอยฟ้าเมืองตากอากาศอันตัลยาทางตอนใต้ของตุรกีเกิดอุบัติเหตุส่งผลให้ผู้โดยสารดิ่งลงสู่ไหล่เขาเบื้องล่าง มีผู้เสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บ 7 ราย และอีกเกือบ 200 รายติดอยู่กลางอากาศ

ผู้เสียชีวิตถูกระบุว่าเป็นชายชาวตุรกีวัย 54 ปี กล่าวว่ามีพลเมืองตุรกี 6 คน และชาวคีร์กีซสถาน 1 คนได้รับบาดเจ็บ รูปภาพในสื่อตุรกีเผยให้เห็นกระเช้าพังยับเยินโยกเยกจากสายเคเบิลหลุดด้านข้างเนินเขาหิน

AFP PHOTO / DHA (Demiroren News Agency)

มูฮิตติน โบเซก นายกเทศมนตรีเมืองอันตัลยา ระบุในถ้อยแถลงเมื่อค่ำวานนี้ว่า เฮลิคอปเตอร์ที่ติดตั้งระบบการมองเห็นท่ามกลางความมืดในช่วงกลางคืนถูกเรียกเข้าไปช่วยเหลือผู้คน 184 คนที่ยังคงติดค้างอยู่ในห้องโดยสารของระบบกระเช้าลอยฟ้า หลังจากเกิดเหตุสยองขวัญขึ้น

“ทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเราอยู่ที่นี่ ด้วยพระประสงค์ของพระเจ้า เราจะช่วยเหลือพวกเขาทั้งหมดได้ในเวลาอันสั้น” ทั้งนี้ ผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 รายถูกนำตัวออกจากภูเขาด้วยเฮลิคอปเตอร์ และช่วยนำผู้บาดเจ็บอีก 2 รายออกไปได้

AP PHOTO

กระเช้าลอยฟ้าจะพานักท่องเที่ยวจากชายหาดไปยังร้านอาหารและจุดชมวิวบนยอดเขาที่มีความสูงถึง 618 เมตร ซึ่งขณะเกิดเหตุผู้โดยสารอีก 184 คนติดอยู่ในกระเช้าลอยฟ้าอีก 25 แห่งซึ่งอยู่เหนือพื้นดินหลายสิบฟุต ในขณะที่วิศวกรพยายามรีสตาร์ทระบบ

อาลี เยร์ลิกายา รัฐมนตรีมหาดไทยของ ตุรกีกล่าวว่า การเสียชีวิตและการบาดเจ็บเกิดขึ้นเมื่อห้องโดยสารหนึ่งในกระเช้าลอยฟ้าที่ซารีซู-ตูเนกเตเป ตกลงไปในบริเวณที่เป็นหินขณะที่เสาพังลงมา

DHA

เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินประมาณ 110 คนถูกส่งไปยังจุดเกิดเหตุ พร้อมด้วยนักปีนเขาผู้เชี่ยวชาญที่บินมาจากที่อื่นในตุรกี ล่าสุด หน่วยงานค้นหาและกู้ภัย (AFAD) ระบุในเวลาต่อมาว่า มีผู้ได้รับการช่วยเหลือแล้ว 49 คนจากตู้เก็บสัมภาระที่ถูกระงับ ขณะที่ 135 คนยังคงติดอยู่ตอนใกล้เที่ยงคืน หรือประมาณ 6 ชั่วโมงหลังเกิดอุบัติเหตุ

สำนักงานอัยการสูงสุดของอันตัลยาได้เริ่มการสอบสวนแล้ว คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญรวมทั้งวิศวกรเครื่องกลและไฟฟ้า ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและความปลอดภัยได้รับมอบหมายให้ระบุสาเหตุของเหตุการณ์

AFP PHOTO / DHA (Demiroren News Agency)