เปิดวีรกรรม “แซน” นักศึกษาปี 1 วัย 18 ปี ก่อนคนที่โชคร้ายคือ “น้องหมิง”

ก่อนหน้านี้ ทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร ได้ออกมาอธิบายในข้อกฎหมายว่า การอ้างว่าเคยกินยารักษาอาการจิตเวช มาก่อน ไม่สามารถนำมาอ้างที่จะไม่ถูกดำเนินคดี และลงโทษได้ เพราะต้องมีการตรวจสอบองค์ประกอบอื่นๆ อย่างละเอียด เพราะจากคำฎีกาในอดีต หากบุคคลดังกล่าว สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติประกอบกิจการการงานได้ศาล ไม่เชื่อว่าเป็นผู้ป่วยจิตเวชแน่นอนเค้าจะต้องรับโทษเต็มๆ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ จั๊มพ์ พี่สาวของน้องหมิงสาววัย 18ปี ผู้เสียชีวิต ได้เล่าพฤติกรรมของ แซน ผู้ก่อเหตุในรายการโหนกระแสเทปบล่าสุด ว่า แซน มีพฤติกรรมรุนแรง เขาเคยมาเล่าให้ตนฟังด้วยตัวเองเลยว่า มีความสุขมากเวลาที่ได้ทำร้ายคน มีความรู้สึกอยากฆ่าคน

พี่สาวของน้องหมิง เล่าคดีที่ แซน ทำให้ปี 65 ว่า เขาเคยติดต่อขายโทรศัพท์ให้เด็กหญิงอายุ 13 ราคา 800 บาท แต่เด็กโอนเงินให้แซนแค่ 300 ค้างจ่ายอยู่ 500 บาท ตามทวงแล้วไม่ได้สักที แซนก็เลยให้ น้องหมิง โทรตาม ซึ่งน้องหมิงเข้าใจว่าแค่จะทวงเงินเฉยๆ ปรากฏว่าแซนไปดักรอเด็ก พอเด็กลงมา เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง เข้าไปชกต่อยจนเด็กสลบ แล้วลากร่างไปทำอนาจาร

พี่สาวของน้องหมิง เล่าต่อไปว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นเขายังกล้าเอามาเล่าให้จั๊มพ์ฟังว่า เขามีความสุข ตื่นเต้นมากตอนที่ได้ทำร้ายคน แล้วอยากจะเอาดินฝังกลบเด็กคนนั้นด้วย เราตกใจมาก พยายามเตือนน้องว่าแบบนี้ไม่น่าอยู่ด้วยแล้ว น้องเราพยายามถอยออกห่างมาหลายรอบ แต่เขาก็จะมาง้อด้วยคำหวานๆ ตลอด

พร้อมกันนี้ยังมีรายงานอีกด้วยว่า เจอมือของผู้ตายแล้ว ในคลองบริเวณ ใต้สะพานจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ต.บางพูน ซึ่งการมาค้นพบมือของน้องหมิงผู้เสียชีวิต เป็นเพราะทางชุดสืบไล่กล้องวงจรปิดจนพบว่าผู้ก่อเหตุ มาที่จุดดังกล่าว จึงนำกำลังมาค้นหา สุดท้ายพบจริงๆ ว่ามือถูกนำมาทิ้งบริเวณริมตลิ่ง ถูกใส่ไว้ในถุงดำ คาดว่าน่าจะทิ้งลงน้ำแล้วน้ำซัดมาเกยตลิ่ง