แผ่นดินไหววานูอาตู เสียชีวิตแล้ว 14 คน ล่าสุดประกาศภาวะฉุกเฉิน – เคอร์ฟิว
อีกหนึ่งภัยธรรมชาติที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ หลังจากที่มีรายงานว่า วานูอาตู ประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก ต้องเจอกับแผ่นดินไหวรุนแรง 2 ครั้งในรอบ 24 ชั่วโมง ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณเที่ยงวันที่ 17 ธ.ค. ตามเวลาท้องถิ่น เป็นแผ่นดินไหวขนาด 7.3 ใกล้กรุงพอร์ตวิลลา เมืองหลวง เป็นเวลา 30 วินาที ขณะที่ครั้งที่สองวัดขนาดความรุนแรงได้ 5.5
โดยแผ่นดินไหวในครั้งนี้ทำให้เกิดดินถล่ม อาคารหลายแห่งพังราบ รวมถึงอาคารที่เป็นที่ตั้งของสถานทูตชาติตะวันตกหลายแห่งได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ความเสียหายทั้งหมดยังไม่ชัดเจน เนื่องจากไฟฟ้าและเครือข่ายโทรศัพท์มือถือทั่วประเทศถูกตัดขาด
แม้ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการยังไม่ทราบแน่ชัด แต่หัวหน้าประจำภูมิภาคของสหพันธ์สภากาชาดและเสี้ยววงเดือนแดงสากลซึ่งอยู่ในฟิจิ รายงานโดยอ้างรัฐบาลวานูอาตูว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 คน และบาดเจ็บ 200 คน จากแผ่นดินไหวครั้งนี้
ด้าน ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในหลายๆ ประเทศที่ได้ส่งความช่วยเหลือไปยังวานูอาตู โดย เพนนี หว่อง รัฐมนตรีต่างประเทศของออสเตรเลียกล่าวว่า รัฐบาลกำลังเตรียมส่งความช่วยเหลือเร่งด่วนไปยังวานูอาตูในวันนี้ โดยจะจัดส่งทีมแพทย์ฉุกเฉินและหน่วยกู้ภัยค้นหา พร้อมทั้งจัดตั้งสายด่วนเพื่อช่วยเหลือชาวออสเตรเลียที่อาจประสบภัยพิบัติครั้งนี้
ขณะที่เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำวานูอาตูและหมู่เกาะโซโลมอนโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียว่า “มีผู้เคราะห์ร้ายหลายคนในวานูอาตู เที่ยวบินถูกระงับ การสื่อสารถูกตัดขาด ไม่มีน้ำไม่มีไฟฟ้า เรากำลังจัดหาความช่วยเหลือ”
ทั้งนี้อาคารที่เป็นที่ตั้งของสถานทูตสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และนิวซีแลนด์ เป็นหนึ่งในอาคารที่ได้รับความเสียหายหนักที่สุด โดยชั้นล่างของสถานทูตสหรัฐฯ ถูกชั้นบนพังถล่มลงมาทับ อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ รายงานว่าเจ้าหน้าที่ของตนทุกคนปลอดภัยดี
ด้าน ชาร์ล็อต ซาลไว รักษาการนายกรัฐมนตรีของวานูอาตู ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 7 วัน และกำหนดเคอร์ฟิวตั้งแต่เวลา 18:00 น. ถึง 06:00 น. ยกเว้นบริการที่จำเป็น
สำหรับ วานูอาตู เป็นประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกใต้ ตั้งอยู่ทางตะวันตกของฟิจิและห่างจากตอนเหนือของออสเตรเลียไปทางตะวันออกหลายพันกิโลเมตร ประกอบด้วยเกาะเล็กใหญ่ประมาณ 80 เกาะ มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 350,000 คน
อย่างไรก็ตาม วานูอาตูตั้งอยู่ในบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวทางธรณีวิทยาสูง จึงเสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่และภัยพิบัติทางธรรมชาติอื่นๆ บ่อยครั้ง